พืชพรรณ ภายในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของมูลนิธิชัยพัฒนา

พืชพรรณ ภายในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของมูลนิธิชัยพัฒนา ฐานข้อมูลพืชพรรณไม้ภายในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของมูลนิธิชัยพัฒนา

มะเขือเทศพื้นบ้าน ชื่อสามัญ : Tomato

แหล่งที่มาและประวัติพันธุ์

ชื่อ : มะเขือเทศผลเล็ก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Solanum lycopersicum L.

ชื่อวงศ์ : Solanaceae

ชื่อสามัญ : Tomato

ลักษณะประจำพันธุ์ทางพฤกษศาสตร์

ราก ราก เป็นระบบรากแก้ว รากมีลักษณะกลมเล็กๆ มีสีน้ำตาล มีรากแตกย่อยออกเป็นรากแขนง และแตกออกเป็นรากอ่อนในแต่ละปลายแขนง มีรากฝอยออกรอบๆ หากปลูกจากเมล็ดจะมีรากแก้ว มีกลิ่นเฉพาะตัว
ต้น ลำต้น เป็นลำต้นเดี่ยว มีลักษณะกลมๆ ลำต้นตั้งตรง ลำต้นแข็งและเหนียว มีลักษณะเป็นพุ่ม แตกกิ่งตั้งแต่ระดับล่างของลำต้น มีขนอ่อนๆ ปกคลุม มีสีเขียว มีกลิ่นเฉพาะตัว มีอายุเพียงปีเดียวหรือฤดูเดียว ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-2 ม.แต่บางสายพันธุ์ มีลักษณะลำต้นและกิ่งเลื้อยขึ้นที่สูง หรือเลื้อยตามดิน
ใบ ใบ เป็นใบประกอบ มีก้านใบหลักแต่ละก้านใบ มีใบย่อยแตกออกด้านข้าง ออกสลับกัน ใบย่อยมีขนาดไม่เท่ากัน บางใบเล็กรียาว บางใบกลมใหญ่ ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นหยักลึก คล้ายฟันเลื่อย ใบมีสีเขียวสด มีขนปกคลุมทั่วใบ
ดอก ดอก ออกเป็นช่อบริเวณซอกใบ ก้านช่อดอกจะยาว แตกกิ่งช่อดอกตรงปลาย ดอกมะเขือเทศเป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีทั้งเกสรตัวเมีย และเกสรตัวผู้ในดอกเดียวกัน โดยออกดอกเป็นช่อ ช่อละประมาณ 3-5 ดอก แทงออกบริเวณข้อของกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก มีสีเหลือง มีกลีบดอกและมีกลีบเลี้ยงสีเขียว เมื่อดอกบาน กลีบเลี้ยงและกลีบดอกจะโค้งลง ภายในประกอบด้วยเกสรตัวผู้ 5 อัน ล้อมรอบเกสรตัวเมียที่อยู่ด้านใน
ผล ผล เป็นผลเดี่ยว มีขนาดรูปร่างและสีต่างกัน มีรูปร่างแตกต่างกันตามสายพันธุ์ รูปร่างมีทั้งกลม กลมแบน หรือกลมรี ผิวนอกลีบเป็นมัน ทรงรี มีทั้งขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ผลอ่อนจะมีสีเขียวอมขาว ผลดิบมีสีเขียว หรือเขียวอมเทา เมื่อสุกจะมีสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เนื้อภายในฉ่ำด้วยน้ำ มีรสเปรี้ยว หวานกรอบตามสายพันธุ์ ใช้รับประทานเมื่อสุก เมล็ดมีเป็นจำนวนมาก อยู่ภายในผลจะมีหลายเมล็ด เมล็ดมะเขือเทศมีลักษณะแบน รูปไข่ สีเหลือง และมีขนาดเล็ก มีขนสั้นปกคลุมรอบนอก

ข้อมูลอื่นๆ

การกระจายพันธุ์ : มีถิ่นกำเนิด แถบเทือกเขาแอนดิสของอเมริกาใต้ บริเวณประเทศเปรูและซิลีในปัจจุบัน ที่เป็นพันธุ์ป่าดั้งเดิม จากนั้นจึงเข้าสู่อเมริกา ยุโรป และเอเชีย ได้มีปลูกกันในหลายประเทศทั่วโลก



 



การเพาะปลูก : เพาะเมล็ดกล้าแล้วย้ายปลูก เพราะจะทำได้ง่าย สะดวกกว่า จะได้ต้นมะเขือเทศที่แข็งแรง โดยใช้เมล็ดพันธุ์ เพาะปลูกลงในแปลงดินที่เตรียมไว้ เมื่อมะเขือเทศมีอายุได้ประมาณ 7-10 วัน ให้ถอนกล้าที่ไม่สมบูรณ์ออก แล้วจึงทำการย้ายต้นกล้า เมื่อมีอายุประมาณ 25-30 วัน ในแปลงดินปลูกต้องลึกประมาณ 20 เซนติเมตร ระยะปลูกระหว่างต้นประมาณ 40 เซนติเมตร ระยะห่างแถวประมาณ 70 เซนติเมตร การปักหลักหรือการทำค้างให้มะเขือเทศ หลังจากปลูกประมาณ 15 วัน การปลิดใบและการตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้ผลมีขนาดใหญ่ และสะดวกในการผูกค้าง



 



การเจริญเติบโต : เป็นพืชที่ชอบดินร่วนปนทราย เจริญได้ในดินแทบทุกชนิดและ ต้องระบายน้ำดี น้ำไม่ขัง ชอบแดด ต้องดูแลรดน้ำเสมอ และโดนแดดได้ตลอดวัน ต้องหมั่นรดน้ำให้ชุ่ม โดยรดน้ำเช้าเย็น ระยะแรกต้องให้น้ำทุกวัน ขณะที่ช่วงติดดอกติดผล ถ้าขาดน้ำจะทำให้เป็นโรคก้นเน่า และผลร่วงได้ หลังจากผลเริ่มแก่ ค่อยลดปริมาณการให้น้ำลง ต้องทำการการปลิดใบ และการตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้ผลมีขนาดใหญ่



 



ประโยชน์ : มีวิตามินซี ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา มีโปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม วิตามินเค วิตามินพีป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด วิตามินบี1 วิตามินบี2 สารบีตา-แคโรทีน ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก มีสารสีแดงแคโรทีนอยด์ ชื่อไลโคพีน มีเบต้าแคโรทีน และกรดอะมิโนกลูตามิค ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร ช่วยเสริมคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ โรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย โรคมะเร็งรังไข่ในเพศหญิง ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม หริออัลไซเมอร์ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ เส้นเลือดตีบ การเกิดโรคหัวใจวาย ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด ช่วยในระบบย่อยในกระเพาะอาหาร ช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้สะดวก ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน ลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัย ช่วยในการรักษาสิว เพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย หมักผมจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผมได้ ใช้ขัดเครื่องประดับเงินให้เงางาม