ชื่อ : ชะอม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acacia pennata (L.) Willd.
ชื่อวงศ์ : Fabaceae
ชื่อสามัญ : Climbing Wattle
ชื่ออื่น : ผักหละ ผักหา ผักย่า ผักขา ฝ่าเซ็งดู่ พูซูเด๊าะ โพซุยโดะ อม
ชนิด/ประเภท | - |
ราก | - |
ต้น | ต้น เป็นไม้พุ่มที่มีขนาดย่อม เป็นพืชยืนต้นมีอายุหลายปี มีลำต้นเดี่ยว ลำต้นมีลักษณะกลมๆ ลำต้นและกิ่งก้านจะมีหนามแหลม ลำต้นแข็งและเหนียว มีลำต้นสีเขียว หรือสีเขียวปนน้ำตาล |
ใบ | ใบ ใบ คล้ายรูปรี ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ มีสีเขียวขนาดเล็ก มีก้านใบย่อยแตกออกจากแกนกลางใบ ใบย่อยมีขนาดเล็ก มีประมาณ 13-28 คู่ ออกตรงข้ามกัน ใบย่อยจะหุบในเวลาเย็น และแผ่ออกเพื่อรับแสงตอนกลางวัน ใบอ่อนหรือส่วนยอดของใบจะมีกลิ่นฉุน จะมีกลิ่นเฉพาะตัว |
ดอก | ดอก ดอกเป็นช่อออกตามซอกใบ มีขนาดเล็ก กลีบดอกจะมีสีขาวถึงขาวนวล ก้านช่อดอกจะสั้น แตกกิ่งช่อดอกตรงปลาย |
ผล | ผล มีลักษณะเป็นฝัก (Dehiscent fruit) ลักษณะฝักจะมีขนาดเล็กแบนยาว เมื่อฝักอ่อนมีสีเขียว เมื่อฝักแก่จะมีสีน้ำตาล ภายในจะมีหลายเมล็ดในฝักแบนยาว ผักชะอมมีรสมัน |
เมล็ด | เมล็ด มีหลายเมล็ดอยู่ในฝักแบนยาวภายใน เมล็ดมีลักษณะยาวรี ผิวเรียบ เมื่อเมล็ดดิบมีสีเขียวเข้ม เมื่อเมล็ดสุกจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม |
การกระจายพันธุ์ : เป็นพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมปลูกกันในหลายประเทศทั่วไป
การขยายพันธุ์ : การปักชำ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง หรือการโน้มกิ่งลงดิน ส่วนมากนิยมใช้วิธีการเพาะเมล็ด เนื่องจากได้ต้นชะอมที่แข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม และยังมีหนามมากกว่าการปลูกด้วยวิธีอื่นๆ
การเพาะปลูก : การปลูกวิธีการเพาะเมล็ด เราจะต้องนำเมล็ดพันธุ์มาแช่น้ำไว้ 1 คืน แล้วจะนำถุงพลาสติก มาใส่ดินร่วนปนทราย แล้วจะนำเมล็ดชะอมประมาณ 2 เมล็ด มาใส่ฝังลงผิวดินกลบจนมิด แล้วรดน้ำวันละครั้ง อย่าให้แฉะจนเกินไป เมื่อเมล็ดงอกก็ย้ายลงดิน โดยปลูกระยะต้นห่างกันประมาณ 50 เซนติเมตร ระยะห่างของแถวประมาณ 1 เมตร ชะอมชอบชื้น แต่ไม่ชอบแฉะ เพราะจะทำให้รากเน่าตายได้ จะนิยมยกร่อง แล้วขุดหลุมปลูกบนร่อง ป้องกันน้ำท่วมขัง ทำให้รากชะอมเน่าตายได้ เมื่อปลูกช่วงแรกให้รดน้ำทุกวันเช้าเย็น ต้นชะอมเป็นไม้เลื้อย
จะแตกยอดตามกิ่ง ให้ปล่อยมันเลื้อยทอดยอดไปเรื่อยๆ โดยเราจับลำต้นชะอม ให้ทอดยอดสูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร แล้วใช้เชือกมัดไว้กับหลักที่ปักไว้ เมื่อปลูกชะอมได้ประมาณ 3 เดือน ชะอมเริ่มโตเต็มที่ ให้รดน้ำวันเว้นวัน
การเจริญเติบโต : การปลูกในฤดูร้อน จะเจริญเติบโตได้ดีกว่าในฤดูฝน เพราะเมล็ดชะอมมีโอกาสเน่าได้สูง
ประโยชน์ : ราก แก้ท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ แก้อาการปวดเสียวในท้องได้ดี ใบอ่อนและยอดอ่อน นำมารับประทานเป็นอาหารและปรุงอาหาร จัดเป็นพืชผักที่มีวิตามินเอสูงที่สุด